คาสิโนออนไลน์ UFABET
ณ ชั่วโมงนี้ ต้องยอมรับว่า ลีกฟุตบอลที่มีผู้ชมทั้งโลกมากที่สุด คงหนีไม่พ้นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ลีกดังแห่งเมืองผู้ดี ที่ตอนนี้มีดีกรีความร้อนแรงในการแย่งชิงแชมป์ถึงขีดสุด และคงหนีไม่พ้นสองคนที่ทำให้พรีเมียร์ลีกในเวลานี้ เป็นลีกที่สนุกที่สุด นั่นก็คือกุนซือเป๊ป กวาร์ดิโอล่าจากทีมเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีกหนึ่งคนที่ไม่ต้องเดาก็คงรู้กันดี คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ของหงส์แดงลิเวอร์พูลนั่นเอง การขับเคี่ยวแย่งเป็นอันดับ 1 บนตาราง ชนิดที่ไล่จี้กันแบบหายใจรดต้นคอ ทำให้คอบอลที่เป็นทั้งแฟนคลับและไม่ใช่แฟนคลับของทั้งสองทีม ต่างเทใจ นั่งรอดูเกมที่เร้าใจ ที่ทั้งสองทีมลงฟาดแข้งในทุกนัด
ซึ่งทั้งสองกุนซือ ได้กลายมาเป็นคู่แข่งและคู่ปรับกันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากยุคของการขับเคี่ยวของสองทีมคู่แข่งตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูล สู่การเปลี่ยนถ่ายยุคสมัย กลายเป็นการแข่งขันของสองทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลแทน และในเวลานี้ คงพูดได้เต็มปากว่า สองกุนซือที่ทำทีมห้ำหั่นกันอยู่นี้ คือกุนซือที่ดีที่สุดในโลกด้วยกันทั้งคู่ ถ้าหากเปรียบเป็นนักเตะ คงไม่ต่างอะไรจากเมสซี่และโรนัลโด้เลยก็ว่าได้ ด้วยสไตล์การทำทีมที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูล มีมิติการบุกในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทุกสิ่งอย่างมันสะท้อนถึงมันสมองและกึ๋นของกุนซือสองคนนี้ แบบเฉือนกันไม่ลง
แต่ก่อนที่ทั้งสองคน จะได้มาเจอกันและเป็นคู่แข่งกันในเวทีพรีเมียร์ลีก ทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วในลีกเยอรมนี กับศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน มันไม่ต่างอะไรจากคู่มวยที่เคยชกกัน และต่างออกไปหาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ลับแข้งจนเป็นนักชกตัวเก๋า เพราะจนถึงเวลานี้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-2019 ทีมของพวกเขาทั้งคู่ ยังอยู่ในสถานะไร้พ่ายนั่นเอง ผ่านมา 15 นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีแต้มถึง 41 แต้ม ส่วนลิเวอร์พูลมีแต้ม 39 แต้ม ซึ่งช่องว่างนั้นต่างกันเพียงนิดเดียว และสิ่งที่เป๊ปย้ำกับลูกทีมเรือใบสีฟ้าก่อนลงสนามทุกครั้ง นั่นคือ
“ถ้าหากคุณพลาดเกมนี้ นั่นหมายถึงการที่ลิเวอร์พูลจะเป็นที่ 1 แทนพวกเรา”
เก่งแค่ไหน หากมองไม่ไกล และประมาทคู่ต่อสู้ สุดท้ายก็คงต้องเสียใจ แต่สำหรับเป๊ปแล้วนั้น มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาพยายามอุดรอยรั่วทุกอย่าง ที่จะเป็นโอกาสของลิเวอร์พูลอยู่เสมอ
ส่วนเจอร์เก้น คล็อปป์ การทำงานหนักในหลายๆเกม นั่นหมายถึงว่า เขาและลูกทีมยังไม่ถอดใจ พร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นอันดับ 1 แทนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาเชื่อว่า เรือใบสีฟ้าต้องสะดุดโขดหินบ้างแน่นอน แต่จะภาวนาให้คู่แข่งเป็นไปตามต้องการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกัน คือการทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด และนั่น คือสิ่งที่คล็อปป์กระตุ้นลุกทีมเดอะค็อปอยู่ทุกวี่วัน
“การทุ่มเทเพื่อให้ได้ชัยชนะและเก็บสำคัญได้ในทุกนัด นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทีมเรา”
คล็อปป์รู้ดี การกระตุ้นทางจิตวิทยาให้กับพลพรรคหงส์แดงสำคัญแค่ไหน ซึ่งลูกทีมของเขา ก็มีทั้งกำลังใจและความสามารถ ที่พร้อมจะขึ้นไปรั้งอันดับ 1 เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดได้เสมอ
ย้อนกลับไปในวันที่ทั้งคู่ยังอยู่ในร่างเสือเหลืองและเสือใต้ เกมแรกที่ต้องฟัดกัน มันคือเกม เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ และในการพบกันครั้งแรกในเยอรมนี คล็อปป์ที่เจนสนามในบุนเดสลีกา เยอรมนีกว่า เป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ 4-2 และการพบกันครั้งที่สองของทั้งคู่ คือการที่บาเยิร์นบุกไปเยือนดอร์ทมุนด์ และเป็นเสือใต้ที่ร้ายกว่าเสือเหลือง เข้าไปบุกขย้ำเสือเหลืองได้ถึงถิ่น 3-0 แต่นัดต่อไปที่พวกเขาต้องเจอกันในบ้านบาเยิร์น ก็เป็นฝ่ายดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์ที่แก้แค้นได้สำเร็จ พาพลพรรคเสือเหลืองบุกไปเอาคืนถึงถิ่นบาเยิร์น 3-0 เช่นเดียวกัน และในนัดที่ 4 ของฤดูกาล 2013-2014 ที่ทั้งคู่ต้องมาโคจรเจอกันอีกครั้ง นั่นคือการชิงแชมป์เดเอฟเอ โบคาล และเป็นเสือใต้บาเยิร์นของเป๊ป ที่ทำได้ดีกว่า คว้าถ้วยนี้ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะขุนพลเสือเหลืองของคล็อปป์ไป 2-0 และในฤดูกาลต่อมา ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันในการชิงแชมป์บอลถ้วยหลักต่างๆในเยอรมนีอย่างสุดมันส์ และทำให้ทุกคนจดจำทั้งคู่แบบไม่ลืม
จนสุดท้าย เป็นคล็อปป์ที่ตัดสินใจออกมาจากดอร์ทมุนด์เพื่อมาที่ถิ่นลิเวอร์พูล และเป๊ปก็ได้เข้ามาเป็นเวลาไล่เลี่ยกันตามหลังแค่เพียง 1 ฤดูกาล ในการพบกันอีกครั้งในสังเวียนใหม่ นัดแรกลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 1-0 ส่วนนัดที่สอง เป็นการเสมอกัน 1-1 ซึ่งทั้งสองนัดนี้ เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-2017 และการเริ่มต้นในฤดูกาลถัดมา คือฤดูกาล 2017-2018 เป๊ปเป็นฝ่ายเปิดเกมได้สวยกว่า ด้วยการคว้า 3 แต้มมาได้จากลิเวอร์พูลก่อน โดยเป็นการกดสกอร์หงส์แดงไปแบบขาดลอย 5-0 ในถิ่นของพวกเขา แต่เกมต่อมาที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับขุนพลซิตี้ พวกเขาก็ขยี้ลูกทีมของเป๊ปไปแบบสุดมันส์ 4-3 และเป็นการย้ำแค้นให้กับเป๊ป ด้วยการไปพบกันในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และเป็นลิเวอร์พูลที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 2 นัด ซัดประตูรวมไป 5-1
ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินไป ทำให้คอบอลทั้งโลกจับตามองสองเสือกุนซือกันแบบไม่กระพริบตา ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลปัจจุบัน ฤดูกาล 2018-2019 ซึ่งในนัดแรกเสมอกันไป 0-0 แต่ในนัดหน้า ที่พวกเขาจะต้องมาเจอกันในพรีเมียร์ลีก คงเป็นนัดที่มีผลในการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้เลยทีเดียว คือในคืนวันที่ 3 มกราคม 2019 เวลา ตีสามบ้านเรา หรือเช้าวันที่ 4 มกราคมนั่นเอง และมันคงเป็นแมตช์สำคัญที่คอบอลทั้งโลกตั้งตารอ ว่าการพบกันคราวนี้กึ๋นของสองเสือกุนซือคนไหน จะสามารถคว้าชัยและทำได้ดีกว่ากัน
ติดตามข่าวฟุตบอลดีๆ อัพเดตทุกวันได้ที่ คาสิโนออนไลน์ UFABET
ซึ่งทั้งสองกุนซือ ได้กลายมาเป็นคู่แข่งและคู่ปรับกันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากยุคของการขับเคี่ยวของสองทีมคู่แข่งตลอดกาลอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดกับลิเวอร์พูล สู่การเปลี่ยนถ่ายยุคสมัย กลายเป็นการแข่งขันของสองทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูลแทน และในเวลานี้ คงพูดได้เต็มปากว่า สองกุนซือที่ทำทีมห้ำหั่นกันอยู่นี้ คือกุนซือที่ดีที่สุดในโลกด้วยกันทั้งคู่ ถ้าหากเปรียบเป็นนักเตะ คงไม่ต่างอะไรจากเมสซี่และโรนัลโด้เลยก็ว่าได้ ด้วยสไตล์การทำทีมที่เป็นเอกลักษณ์ทั้งคู่ ทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้และลิเวอร์พูล มีมิติการบุกในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทุกสิ่งอย่างมันสะท้อนถึงมันสมองและกึ๋นของกุนซือสองคนนี้ แบบเฉือนกันไม่ลง
แต่ก่อนที่ทั้งสองคน จะได้มาเจอกันและเป็นคู่แข่งกันในเวทีพรีเมียร์ลีก ทั้งคู่เคยพบกันมาแล้วในลีกเยอรมนี กับศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน มันไม่ต่างอะไรจากคู่มวยที่เคยชกกัน และต่างออกไปหาและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ลับแข้งจนเป็นนักชกตัวเก๋า เพราะจนถึงเวลานี้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2018-2019 ทีมของพวกเขาทั้งคู่ ยังอยู่ในสถานะไร้พ่ายนั่นเอง ผ่านมา 15 นัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้มีแต้มถึง 41 แต้ม ส่วนลิเวอร์พูลมีแต้ม 39 แต้ม ซึ่งช่องว่างนั้นต่างกันเพียงนิดเดียว และสิ่งที่เป๊ปย้ำกับลูกทีมเรือใบสีฟ้าก่อนลงสนามทุกครั้ง นั่นคือ
“ถ้าหากคุณพลาดเกมนี้ นั่นหมายถึงการที่ลิเวอร์พูลจะเป็นที่ 1 แทนพวกเรา”
เก่งแค่ไหน หากมองไม่ไกล และประมาทคู่ต่อสู้ สุดท้ายก็คงต้องเสียใจ แต่สำหรับเป๊ปแล้วนั้น มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เขาพยายามอุดรอยรั่วทุกอย่าง ที่จะเป็นโอกาสของลิเวอร์พูลอยู่เสมอ
ส่วนเจอร์เก้น คล็อปป์ การทำงานหนักในหลายๆเกม นั่นหมายถึงว่า เขาและลูกทีมยังไม่ถอดใจ พร้อมที่จะก้าวขึ้นไปเป็นอันดับ 1 แทนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาเชื่อว่า เรือใบสีฟ้าต้องสะดุดโขดหินบ้างแน่นอน แต่จะภาวนาให้คู่แข่งเป็นไปตามต้องการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำไปพร้อมกัน คือการทำผลงานของตัวเองให้ดีที่สุด และนั่น คือสิ่งที่คล็อปป์กระตุ้นลุกทีมเดอะค็อปอยู่ทุกวี่วัน
“การทุ่มเทเพื่อให้ได้ชัยชนะและเก็บสำคัญได้ในทุกนัด นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทีมเรา”
คล็อปป์รู้ดี การกระตุ้นทางจิตวิทยาให้กับพลพรรคหงส์แดงสำคัญแค่ไหน ซึ่งลูกทีมของเขา ก็มีทั้งกำลังใจและความสามารถ ที่พร้อมจะขึ้นไปรั้งอันดับ 1 เมื่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พลาดได้เสมอ
ย้อนกลับไปในวันที่ทั้งคู่ยังอยู่ในร่างเสือเหลืองและเสือใต้ เกมแรกที่ต้องฟัดกัน มันคือเกม เดเอฟแอล ซูเปอร์คัพ และในการพบกันครั้งแรกในเยอรมนี คล็อปป์ที่เจนสนามในบุนเดสลีกา เยอรมนีกว่า เป็นฝ่ายคว้าชัยไปได้ 4-2 และการพบกันครั้งที่สองของทั้งคู่ คือการที่บาเยิร์นบุกไปเยือนดอร์ทมุนด์ และเป็นเสือใต้ที่ร้ายกว่าเสือเหลือง เข้าไปบุกขย้ำเสือเหลืองได้ถึงถิ่น 3-0 แต่นัดต่อไปที่พวกเขาต้องเจอกันในบ้านบาเยิร์น ก็เป็นฝ่ายดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์ที่แก้แค้นได้สำเร็จ พาพลพรรคเสือเหลืองบุกไปเอาคืนถึงถิ่นบาเยิร์น 3-0 เช่นเดียวกัน และในนัดที่ 4 ของฤดูกาล 2013-2014 ที่ทั้งคู่ต้องมาโคจรเจอกันอีกครั้ง นั่นคือการชิงแชมป์เดเอฟเอ โบคาล และเป็นเสือใต้บาเยิร์นของเป๊ป ที่ทำได้ดีกว่า คว้าถ้วยนี้ไปครองได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะขุนพลเสือเหลืองของคล็อปป์ไป 2-0 และในฤดูกาลต่อมา ทั้งคู่ก็ต่อสู้กันในการชิงแชมป์บอลถ้วยหลักต่างๆในเยอรมนีอย่างสุดมันส์ และทำให้ทุกคนจดจำทั้งคู่แบบไม่ลืม
จนสุดท้าย เป็นคล็อปป์ที่ตัดสินใจออกมาจากดอร์ทมุนด์เพื่อมาที่ถิ่นลิเวอร์พูล และเป๊ปก็ได้เข้ามาเป็นเวลาไล่เลี่ยกันตามหลังแค่เพียง 1 ฤดูกาล ในการพบกันอีกครั้งในสังเวียนใหม่ นัดแรกลิเวอร์พูลเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 1-0 ส่วนนัดที่สอง เป็นการเสมอกัน 1-1 ซึ่งทั้งสองนัดนี้ เกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2016-2017 และการเริ่มต้นในฤดูกาลถัดมา คือฤดูกาล 2017-2018 เป๊ปเป็นฝ่ายเปิดเกมได้สวยกว่า ด้วยการคว้า 3 แต้มมาได้จากลิเวอร์พูลก่อน โดยเป็นการกดสกอร์หงส์แดงไปแบบขาดลอย 5-0 ในถิ่นของพวกเขา แต่เกมต่อมาที่ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายเปิดรังแอนฟิลด์ต้อนรับขุนพลซิตี้ พวกเขาก็ขยี้ลูกทีมของเป๊ปไปแบบสุดมันส์ 4-3 และเป็นการย้ำแค้นให้กับเป๊ป ด้วยการไปพบกันในถ้วยยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก และเป็นลิเวอร์พูลที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้ง 2 นัด ซัดประตูรวมไป 5-1
ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและกำลังดำเนินไป ทำให้คอบอลทั้งโลกจับตามองสองเสือกุนซือกันแบบไม่กระพริบตา ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลปัจจุบัน ฤดูกาล 2018-2019 ซึ่งในนัดแรกเสมอกันไป 0-0 แต่ในนัดหน้า ที่พวกเขาจะต้องมาเจอกันในพรีเมียร์ลีก คงเป็นนัดที่มีผลในการตัดสินแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้เลยทีเดียว คือในคืนวันที่ 3 มกราคม 2019 เวลา ตีสามบ้านเรา หรือเช้าวันที่ 4 มกราคมนั่นเอง และมันคงเป็นแมตช์สำคัญที่คอบอลทั้งโลกตั้งตารอ ว่าการพบกันคราวนี้กึ๋นของสองเสือกุนซือคนไหน จะสามารถคว้าชัยและทำได้ดีกว่ากัน
ติดตามข่าวฟุตบอลดีๆ อัพเดตทุกวันได้ที่ คาสิโนออนไลน์ UFABET
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น